คุณเห็นรุ้งกินนํ้าครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่? ผมเห็นเมื่อเช้านี้เอง ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นข่าวสั้นเล็กๆที่บอกว่ามีคนเห็นรุ้งกินนํ้ากลับหัว ซึ่งมองดูแล้วคล้ายกับว่าท้องฟ้ากำลังยิ้มอยู่
ต้องขอบคุณ ดร.แจ๊คกาลีน มิตตัน ที่เก็บภาพมาฝาก เธอเห็นรุ้งกินนํ้ากลับหัว(หาดูได้ยากมาก)หน้าบ้านของเธอใกล้ๆเมืองแคมบริดจ์ ของประเทศอังกฤษเธอจึงรีบเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ช่างโชคดีและใจดีจริงๆ
”น่าประหลาดใจจริงๆ ที่ได้เห็นสิ่งสวยงามอย่างนี้หน้าบ้านฉันเอง” เธอกล่าว
ล่าสุดที่ผมเห็นรุ้งกินนํ้า(ของจริง)ก็เมื่อ4-5เดือนที่แล้ว จำได้ว่าตอนประมาณบ่ายแก่วันนั้นผมกับเพื่อนกำลังเดินทางกลับกรุงเทพ บนถนนรถเริ่มมีรถมากขึ้น เบื้องหน้าท้องฟ้าดูอึมครึม แต่ทางที่เรากำลังขับผ่านมีแสงแดดอ่อนๆ ขณะที่คนในรถกำลังนั่งสัปหงกหลังจากหมดแรงไปกับการพูดคุยมาตลอดทาง
“รุ้งกินนํ้าๆ เอากล้องมาถ่าย” เพื่อนผมที่เป็นคนขับตะโกนลั่นรถ ทุกสายตาหันมาจับจ้องที่เบื้องหน้า สายรุ้ง7สีทอดตัวโค้งอยู่บนท้องฟ้า ด้านหนึ่งพาดมาจากภูเขาอีกด้านหนึ่งทอดตัวหายลับเข้าไปหลังอาคารบ้านเรือน ดูคล้ายกับเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์
ไม่มีใครหยิบกล้องมาถ่าย ในรถเงียบไปสักพักใหญ่ๆ บางคนทอดสายตาเหม่อมองสายรุ้งจนลับตา อาจเพราะเพื่อนๆผมไม่ได้เห็นมันมานานก็ได้ ผมไม่รู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนผมรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นรุ้งกินนํ้า
รุ้งกินนํ้า เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวงงาม โดยเกิดจากการที่แสงแดดส่องผ่านละอองน้ำหรือหยดน้ำฝน เกิดการหักเหและสะท้อนกลับหมดภายในละอองน้ำ แล้วกระจายแสงออกจากหยดน้ำเห็นเป็นสีต่างๆ 7 สีคือ แดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน คราม ม่วง
ตามที่คนทั่วไปเข้าใจ ฝนตกแดดออกเมื่อไหร่ก็จะเกิดรุ้งกินนํ้าขึ้นบนท้องฟ้า ทว่าก็ไม่ใช้ทุกครั้งไป ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมว่าหลังๆมานี้เราเห็นรุ้งกินนํ้าในกรุงเทพได้ยากขึ้น และก็รู้สึกว่ามันไม่สวยเหมือนแต่ก่อน อาจเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปและปัญหามลพิษที่เพิ่มมากขึ้น
ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นรุ้งกินนํ้าในกรุงเทพฯต้องย้อนไปเมื่อ2ปีที่แล้ว สภาพอากาศในวันนั้นถือว่าค่อนข่างแย่ ฟ้ามืดครึ้มน่ากลัว มีฝนฟ้าคะนอง ที่ห้างเซ็นทรัลเวิร์ดมองออกไปนอกกระจกบานยักษ์ รุ้งกินนํ้าทอดตัวอยู่เหนือห้างเกสรพลาซ่า เบื้องล่างเป็นสี่แยกราชประสงค์จราจรติดขัดเป็นปกติ ผู้คนเดินขวักไขว่พลุกพล่านอบู่บนฟุตบาท
ภาพที่เห็นจึงดูขัดๆยังไงพิกล กระนั้นหลายคนก็หยุดแล้วมองไปที่เส้นสีทั้งเจ็ดนั้น บางคนลืมธุระเร่งด่วนแล้วยืนเกาะขอบกระจก บางคนหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพหายากเก็บไว้
ย้อนกลับไปสัก10กว่าปี ผมเห็นรุ้งกินนํ้าบ่อยจนชินตา ยังจำภาพเด็กๆกระโดดโลดเต้นดีใจเมื่อได้เห็นรุ้งกินนํ้า แล้วพากันนับว่ามีกี่สี สีอะไรบ้าง ผมเคยเจอผู้ใหญ่หลายคนที่ไม่รู้ว่ารุ้งกินนํ้ามีสีอะไรบ้าง ไม่สิเข้าไม่สนใจต่างหาก
ที่น่าตลกคือ เมื่อเด็กคนไหนชี้นิ้วไปที่รุ้งกินนํ้าก็จะมีเด็กที่โตกว่าหรือผู้ใหม่มาตีมือ แถมหลอกอีกว่าใครชี้รุ้งกินนํ้าจะนิ้วกุด เท่านั้นไม่พอ หากใครหลวมตัวชี้ไปแล้ว ทางแก้ก็คือต้องเอานิ้วจิ้มตูดตัวเอง คราวนั้นผมเชื่อ
ส่วนตามความเชื่อของชาวยุโรปบ้างก็ว่ารุ้งกินนํ้าเป็นสะพาน ที่สุดปลายของมันมีสมบัติมีค่าซ่อนอยู่ แม้ว่าจะยังไม่มีใครเคยพบ
บางทีสมบัติที่ว่านั้นอาจจะเป็น ความสุข